/* Start https://www.cursors-4u.com */ * {cursor: url(https://ani.cursors-4u.net/others/oth-9/oth928.cur), auto !important;} /* End https://www.cursors-4u.com */

วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2564


ตารางภาษาอังกฤษ

 

ครอบครัวของฉัน





 


                                 in on at  

     
คำว่า in on at เป็นคำบุรพบทครับ แปลว่า ใน บน ที่ ตามลำดับ สามคำนี้อาจจะไม่สร้างความสบสนมากนักถ้านำไปใช้กับสถานที่ แต่จะสร้างความสบสนนึดนึงกับการนำไปไช้กับเวลาครับ เพราะตอนที่แปลออกมาแล้วมันแย้งกันระหว่างภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ในบทเรียนนี้จะนำเสนอหลักการใช้ in on at ทั้งกับเวลาและสถานที่นะครับ




 หลักการใช้ AND, BUT, OR, BECAUSE, SO

and ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยค เพื่อแสดงการเพิ่มหรือรวมเข้าด้วยกัน ตัวยย่าง ...
but ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยค เพื่อแสดงการขัดแย้ง ตัวอย่าง ...
or ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยค เพื่อแสดงการเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ตัวอย่าง ...
because ใช้เชื่อมเพื่อแสดงเหตุผล (reason) ตัวอย่าง ...
so ใช้เชื่อมเพื่อแสดงผลลัพธ์ (result)



                                                         ตัวพินอินและสระ

 

คำศัพท์จีนในชีวิตประจำวัน





                                                             อาณาจักรสุโขทัย

                                                                      


เป็นรัฐในอดีตรัฐหนึ่ง ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำยม สถาปนาขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18 ในฐานะสถานีการค้าของรัฐละโว้ หลังจากนั้นราวปี 1782 พ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมืองได้ร่วมกันกระทำการยึดอำนาจจากขอมสบาดโขลญลำพงเป็นผลสำเร็จ และได้สถาปนาเอกราชให้รัฐสุโขทัยเป็นอาณาจักรสุโขทัย และมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับและเพิ่มถึงขีดสุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ก่อนจะค่อย ๆ ตกต่ำ และประสบปัญหาทั้งจากปัญหาภายนอกและภายใน จนต่อมาถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาไปในที่สุด

                                                    สุโขทัยกับรัฐใกล้เคียง

                                                                 



ความสัมพันธ์กับอาณาจักรล้านนา อาณาจักรสุโขทัยสร้างความสัมพันธ์อันดีกับอาณาจักรล้านนามาตลอด ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในสมัยพ่อขุนสศรีอินทราทิตย์ จนถึงสมัยพ่อ

ขุนรามคำแหง ทรงดำเนินนโยบายผูกสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรล้านนาให้แน่นแฟ้มยิ่งขึ้น เพราะเป็นชนชาติไทยด้วยกัน คือ ในสมัยพ่อขุนรามคำแหง อาณาจักรล้านนามีบุคคลสำคัญ คือ พ่อขุนมังราย เจ้าเมืองเงินยาง และพ่อขุนงำเมือง เจ้าเมืองพะเยา ทั้งสามองค์เป็นมิตรสนิทสนมกันมาแต่เยาว์วัย เมื่อมีอำนาจปกครองบ้านเมือง จึงมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ใน พ.ศ. 1835 พ่อขุนมังรายสร้างราชธานีใหม่ มีชื่อว่า นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ พ่อขุนรามคำแหงและพ่อขุนงำเมืองก็ได้ให้ความร่วมมือ ตลอดระยะเวลาที่อาณาจักรสุโขทัยเป็นอิสระผู้ปกครองอาณาจักรทั้งสองฝ่ายต่างเป็นมิตรไมตรีกัน

ผลดีเกิดขึ้นจากการมีสัมพันธไมตรีอันดีของอาณาจักรไทยด้วยกันระหว่างสุโขทัยและล้านนา คือ สร้างความมั่นคงให้แก่ชนชาติไทยต่างพวกกันให้เป็นอันหนี่งอันเดียวกัน ต่างช่วยเหลือซี่งกันและกัน สร้างความเจริญก้าวหน้าด้วยกัน โดยเฉพาะด้านพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ และยังมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมให้กันและกัน การเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันเป็นเกราะป้องกันศัตรูได้อย่างดี คือ ทำให้อาณาจักรอื่นไม่กล้ารุกราน

2. ความสัมพันธ์กับเมืองนครศรีธรรมราช อาณาจักรสุโขทัยมีความสัมพันธ์อันดีกับนครศรีธรรมราชตั้งแต่สมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ทำให้ได้รับผลดีหลายประการ

คือ สุโขทัยรับเอาพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์มาเผยแผ่ในสุโขทัย และได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากประชาชนเป็นอย่างดี ในสมัยพ่อขุนรามคำแหง เมืองนครศรีธรรมราชเข้าร่วมอยู่ในอาณาจักรสุโขทัย สร้างความมั่นคงแก่สุโขทัย

3. ความสัมพันธ์กับลังกา อาณาจักรสุโขทัยสมัยพ่อขุนศรึอินทราทิตย์ เริ่มมีความสัมพันธ์กับลังกาในทางพระพุทธศาสนาโดยผ่านเมืองนครศรีธรรมราช เจ้ากรุงลังกาได้

ถวายพระพุทธสิหิงค์แก่สุโขทัย ในสมัยต่อมาก็มีพระเถระจากสุโขทัย เดินทางไปศึกษาพระไตรปิฎกที่ลังกา รัชกาลพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) ก็โปรดเกล้า ฯ ให้ไปพิมพ์รอยพระพุทธบาทของลังกามาประดิษฐไว้บนยอดเขาสุมนกูฎในเมืองสุโขทัยด้วย นอกจากนี้ยังได้เชิญพระมหาสามีสังฆราชจากเมืองนครพัน (เมาะตะมะ หรือ มะตะบัน) ประเทศมอญ ซึ่งเป็นชาวลังกามาเป็นอุปัชฌาย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์

4. ความสัมพันธ์กับอาณาจักรมอญ อาณาจักรสุโขทัยสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์และพ่อขุนบานเมืองยังไม่มีสัมพันธไมตรีกับอาราจักรมอญที่ปรกฎชัด ต่อมาในรัชกาล

พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงสนับสนุน มะกะโท ชาวมอญ โดยรับไว้เป็นราชบุตรเขยแลได้ส่งเสริมจนมีโอกาสได้เป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรมอญและพระราชทานพระนามไว้ว่า พระเจ้าฟ้ารั่ว อาณาจักรมอญจึงสวามิภักดิ์ต่ออาณาจักรสุโขทัยตลอดรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหง จนเมื่อพระเจ้าฟ้ารั่วสิ้นพระชนม์แล้ว หัวเมืองมอญาจึงตั้งตนเป็นอิสระ ไม่ยอมขึ้นต่อสุโขทัยอีก

5. ความสัมพันธ์กับอาณาจักรลาว สมัยพ่อขุนรามคำแหง อาณาจักรสุโขทัยมีอำนาจเหนือหัวเมืองลาวบางเมืองในดินแดนลุ่มแม่น้ำโขงทางฝั่งซ้าย คือ ทางด้านตะวันออก

ถึงเมืองเวียงจันทน์ เวียงคำ ทางเหนือถึงเมืองหลวงพระบาง หัวเมืองลาวดังกล่าวจึงเป็นเมืองประเทศราชของสุโขทัย เมื่อสิ้นสมัยพ่อขุนรามคำแหง หัวเมืองลาวได้ตั้งตนเป็นอิสระปกคองตนเอง ครั้นถึง พ.ศ. 1896 – 1916 เจ้าฟ้างุ้ม กษัตริย์ลาวได้รวบรวมหัวเมืองต่างๆ ตั้งอาราจักรลาวสุโขทัย การที่ลาวเข้มแข็งและมีอำนาจเป็นผลดีต่อไทย เพราะลาวได้หันไปต่อสู้กับขอม จนทำให้ขอมอ่อนอำนาจและไม่มีกำลังพอที่จะมารุกรานไทย อาณาจักรสุโขทัยและอาณาจักรลาวในช่วงนี้ จึงมีความสัมพันธ์ในทางสันติมิได้เป็นศัตรูต่อกัน

6. ความมสัมพันธ์กับจีน แม้จีนจะอยู่ห่างไกล แต่มีอำนาจมาก จึงแผ่อิทธิพลเข้ามาในดินแดนประเทศต่างๆ ในแถบนี้ ในสมัยพระเจ้าหงวนสีโจ๊วฮ่องเต้ (กุบไลข่าน)

ได้ส่งพระราชสาสน์มายังสุโขทัยเตือนใสห้นำเครื่องบรรณาการไปถวายพระองค์ ครั้งสำคัญคือเมื่อ พ.ศ. 1837 พ่อขุนรามมคำแหงทารงเห็นว่าหากนิ่งเฉยหรือขัดขืน อาจเกิดสงครามกับจีนได้ จึงโปรดให้แต่งราทูตนำเครื่องบรรณาการไปถวายกษัตริย์จีน สุโขทัยและจีนจึงมีไมตรีต่อกัน มีผลดีทั้งทางเศรษฐกิจการเมือง คือ มีการติดต่อค้าขายกับจีน และได้รับศิลปะการทำเครื่องเคลือบ ซึ่งต่อมาเรียกว่า เครื่องสังคโลก ผลิตเป็นสินค้าออกเป็นที่นิยมมาก นอกจากนี้ยังได้รับความรู้ในการเดินเรือทะเลจากจีนสามารถนำเรือบรรทุกสินค้าไปค้าขายกับนานาประเทศได้ ส่วนทางการเมืองก็ได้รับความเชื่อถือจากประเทศอื่นๆ เนื่องจากจีนให้การรับรองไม่ต้องถูกปราบปรามเหมือนบางประเทศ ส่งผลให้สุโขทัยมีการแลกเปลี่ยนซิ้อาขายกับจีนและประเทศอื่นๆ ขยายตลาดกว้างขวางขึ้น

7. ความสัมพันธ์กับอาณาจักรขอม พ่อขุนรามคำแหงเริ่มขยายอำนาจไปทางลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง เข้าโจมตีอาณาจักรขอม โดยได้รับการสนับสนุนาจากจักรพรรดิกุบไล

ข่าน การทำสงครามนำความเสียหายให้แก่ขอม เป็นการทำลายอำนาจทางการเมืองของขอมที่เคยมีอยุ่ในแถบลุ่มแม่น้ำโขงและลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาให้สิ้นสุดลง

8. ความสัมพันธ์กับอาณาจักรอยุธยา อาณาจักรอยุธยาได้สถาปนาขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1893 โดยพระเจ้าอู่ทอง (พระรามาธิบดีที่ 1) เป็นพระมหากัตริย์พระองค์แรก ได้รับการ

สนับสนุนจากแคว้นละโว้และสุพรรณภูมิ จึงมีความเข้มแข็งมาก ได้สถาปนาราชอาณาจักรไม่ขึ้นต่อสุโขทัย ซี่งช่วงเวลานี้ตรงกับรัชสมัยของพระมหาธรรมราชาที่ (ลิไทย) ในระยะแรกที่กรุงศรีอยุธยาสถาปนาเป็นอาณาจักรนี้ สุโขทัยอละอยุธยาได้มีการสู้รบกันเป็นครั้งคราว จนกระทั่ง พ.ศ. 1921 ในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 2 สุโขทัยก็ตกเป็นประเทศราชาของอยุธยาซึ่งมีพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว) เป็นกษัตริย์ แม้ต่อมาพระมหาธรรมราชาที่ 3 (ไสยลือไทย) จะประกาศอิสรภาพจากอยุธยาได้สำเร็จ แต่เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต ราชโอรสของพระองค์ก็แย่งชิงราชสมบัติกัน เป็นเหตุให้สมเด็จพระอินทราชาแห่งกรุงศรีอยุธยายกทัพขึ้นไปไกล่เกลี่ย ทำให้สุโขทัยถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน และเมื่อพระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) สวรรคต เจ้าสามพระยาแห่งอาณาจักรอยุธยา ได้ทรงส่งพระราเมศวร พระราชโอรสที่เกิดจากพระราชธิดาของพระมหาธรรมราชาที่ 3 ขึ้นไปครองเมืองพิษณุโลกซี่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรสุโขทัย สุโขทัยจึงถูกรวมเข้ากับอาณาจักรอยุธยาเป็นอันสิ้นสุดอาณาจักราสุโขทัย


การเสื่อมอำนาจของสุโขทัย

                                                              


ความเสื่อมของอาณาจักรสุโขทัยเกิดขั้นเพราะความอ่อนแอของระบบการเมืองการปกครอง แคว้นต่างๆ ที่เคยอยู่ในอำนาจตั้งตนเป็นอิสระ ส่งผลให้อาณาจักรหมดอำนาจลงไปในที่สุด

เมื่อสิ้นรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ประมาณ พ.ศ. 1841 อาณาจักรสุโขทัยก็เริ่มอ่อนแอลง ความอ่อนแอหรือความเสื่อมของสุโขทัยนี้ น่าจะเกิดจากสาเหตุ 4 ประการ คือ

1. ความเหินห่างระหว่างพระมหากษัตริย์กับราษฎร

2. ความย่อหย่อนในด้านการทหาร

3. การถูกตัดเส้นทางเศรษฐกิจ

4. การแตกแยกภายใน






                                                             ทวีปเอเชีย

                                                                  
                                

เป็นทวีปขนาดใหญ่และมีประชากรมากที่สุดในโลก พื้นที่ส่วนมากตั้งอยู่ในซีกโลกเหนือและซีกโลกตะวันออก ทวีปเอเชียเป็นส่วนหนึ่งของทวีปยูเรเชียรวมกับทวีปยุโรป และเป็นส่วนหนึ่งของทวีปแอฟโฟร-ยูเรเชียร่วมกับยุโรปและแอฟริกา ทวีปเอเชียมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 44,579,000 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 30% ของแผ่นดินทั่วโลกหรือคิดเป็น 8.7% ของผิวโลกทั้งหมด ทวีปเอเชียเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์มานาน[3]และเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมแรก ๆ ของโลกหลายแห่ง เอเชียไม่ได้เป็นเพียงทวีปขนาดใหญ่และมีประชากรเยอะ แต่ยังมีสถานที่และการตั้งถิ่นฐานหนาแน่นมีขนาดใหญ่ แต่เช่นเดียวกันทวีปเอเชียก็มีบริเวณที่มีประชากรเบาบางด้วย ทั้งนี้ทวีปเอเชียมีประชากรราว 4.5 พันล้านคน คิดเป็น 60% ของประชากรโลก




                                                         ทวีปออสเตรเลีย

                                                                   

เป็นทวีปที่รวมแผ่นดินใหญ่ของประเทศออสเตรเลีย นิวกินี แทสมาเนีย และเกาะต่างๆที่อยู่บนไหล่ทวีปเดียวกัน ในทางธรณีวิทยาแล้วไหล่ทวีปถือเป็นส่วนหนึ่งของทวีป ทำให้แผ่นดินที่กระจัดกระจายเหล่านี้ยังคงนับว่าเป็นทวีป สำหรับประเทศนิวซีแลนด์นั้นไม่ได้อยู่บนไหล่ทวีปเดียวกัน แต่เป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคที่ใหญ่กว่าที่เรียกว่าออสตราเลเซีย

                                                          สถาบันการเงิน





สถาบันการเงินมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการเงินของประเทศ โดยทำหน้าที่ระดมและจัดสรรเงินทุนแก่ภาคเศรษฐกิจจริง การชำระราคาและบริการ การบริหารความเสี่ยง รวมถึงการให้ข้อมูลทางการเงินเพื่อการตัดสินใจ ดังนั้น การดูแลให้การดำเนินงานของสถาบันการเงินมีประสิทธิภาพ โปร่งใส มีธรรมาภิบาลและบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับเงินฝากของประชาชนจึงเป็นเรื่องสำคัญ

                                                     เศรษฐศาสตร์

                                                             
 




เป็นวิชาทางสังคมศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการผลิต การกระจาย การบริโภคสินค้าและบริการ

เศรษฐศาสตร์มุ่งศึกษาพฤติกรรมและการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวแสดงทางเศรษฐกิจและการทำงานของเศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์จุลภาควิเคราะห์องค์ประกอบหลักในระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งตัวแสดงและตลาดที่เป็นปัจเจกบุคคล การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน และผลลัพธ์ของปฏิสัมพันธ์นั้น ตัวอย่างของตัวแสดงที่เป็นปัจเจกรวมถึงครัวเรือน ภาคธุรกิจ ผู้ซื้อ และผู้ขาย เศรษฐศาสตร์มหภาควิเคราะห์เศรษฐกิจในภาพรวม (หมายถึงการผลิตมวลรวม การบริโภค การออม และการลงทุน) และปัญหาที่กระทบมัน รวมทั้งการไม่ได้ใช้ของทรัพยากรต่างๆ (แรงงาน, ทุน, และที่ดิน) เงินเฟ้อ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และนโยบายสาธารณะที่จัดการปัญหาเหล่านั้น (การเงิน การคลัง และนโยบายอื่นๆ)




                                                       การเขียนเรียงความ

                                                         ค้นหาด้วยgoogle

                                                    การเขียนแนะนำสถานที่

                                                         ค้นหาด้วยgoogle

                                                     การเขียนย่อความ

                                                         ค้นหาด้วนgoogle

ชั้นบรรยากาศ


 



 

สารและสมบัติของสาร

สมบัติของสาร หมายถึง ลักษณะเฉพาะตัวของสารที่สามารถบ่งบอกว่าสารชนิดนั้นคืออะไร สารแต่ละชนิดจะมีสมบัติของสารที่สังเกตได้ คือ สี กลิ่น รส สถานะ เนื้อสาร ถ้าต้องการตรวจสอบว่าของเหลวใส ไม่มีสี เป็นสารละลายน้ำตาลหรือสารละลายเกลือแกง ต้องทดสอบสมบัติเฉพาะตัวคือ รส หรือทดสอบการนำไฟฟ้า

                                                        ทฎษฏีโลกกลวง

                                                        ทฤษฎีที่ฟังดูประหลาดที่สุดก็คือ ความเชื่อที่ว่า 
โลกใบนี้มีเนื้อในกลวง แถมข้างใต้ผิวโลก ยังมีอารยธรรมบ้านเมือง ซุกซ่อนอยู่ด้วย เป็นเมืองลับแล ที่น้อยคนจะรู้ถึงทางเข้า คนแรกๆ ที่เสนอความคิดนี้เมื่อปี ค.ศ. 1692 ก็คือ เอ็ดมันด์ ฮัลเลย์ ถ้าชื่อนี้รู้สึกคุ้นหูก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะเป็นคนเดียวกับนักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษผู้คำนวณเวลาหวนกลับมาของดาวหางที่สุกสว่างที่สุด ดวงหนึ่งซึ่งได้ชื่อตามชื่อของเขานั่นเอง

ฮัลเลย์รู้สึกฉงนกับสนามแม่เหล็กของโลก เขาสังเกตพบว่า สนามแม่เหล็กโลกมีทิศทางเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในเวลาที่ต่างกัน เขาจึงคิดว่า โลกมีสนามแม่เหล็กหลายสนาม โลกของเรานั้นกลวง ข้างในยังมีโลกอีกชั้น หนึ่งที่มีสนามแม่เหล็กอีกสนามหนึ่ง เพื่ออธิบายถึงความผันแปรทั้งหมดในสนามแม่เหล็กโลก ท้ายที่สุดเขาได้เสนอว่า โลกประกอบด้วยสัณฐานกลม 4 ชั้น แต่ละชั้นซ้อน กันอยู่ข้างใน

ฮัลเลย์เสนอด้วยว่า ภายในโลกมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ โดยอาศัยแสงสว่างจากบรรยากาศที่เรืองแสง เขาคิดว่า ปรากฏการณ์แสง เหนือก็คือก๊าซที่เล็ดลอดออกมาจากใต้เปลือกโลกบางๆ ที่ขั้วโลกเหนือ คนอื่นๆ ที่ได้รับอิทธิพลจากความเชื่อของฮัลเลย์มักเอาทฤษฎีนี้ ไปต่อเติมเสริมแต่งตามความเชื่อของตัวเอง

ในศตวรรษที่ 18 เลยองฮาร์ด ยูเลอร์ นักคณิตศาสตร์ชาวสวิส ได้แทนที่ทฤษฎีโลกหลายชั้นด้วยโลกที่กลวงเพียงชั้นเดียว ข้างในมีดวง อาทิตย์ขนาดกว้าง 600 ไมล์ คอยให้ความร้อนและแสงสว่างแก่อารยธรรมที่ เจริญก้าวหน้าที่อาศัยอยู่ในนั้น แล้วต่อมา นักคณิตศาสตร์ชาวสกอต เซอร์ จอห์น เลสลี ก็เสนอว่า ภายในโลกมีตะวันอยู่สองดวง ซึ่งเขาตั้งชื่อให้ว่า พลูโต กับโพรเซอร์ไพน์

คนที่สนับสนุนทฤษฎีโลกกลวงอย่างหัวชนฝา คือ จอห์น ซิมเมส ชาวอเมริกัน อดีตนายทหารและนักธุรกิจ ซิมเมสเชื่อว่าโลกกลวง และก็ที่ขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้มีทาง เข้าขนาดกว้าง 4,000 ไมล์และ 6,000 ไมล์ ตามลำดับ ซึ่งจะนำเข้าสู่โลกบาดาลได้ เขาอุทิศชีวิตพัฒนาทฤษฎีของตัวเอง และระดมเงินสนับสนุน ให้มีคณะสำรวจเดินทางไปยังขั้วโลกเหนือ เพื่อเข้าไปสำรวจภายในโลก ถึงเขาจะทำไม่สำเร็จ แต่หลังจากเขาตายไป ลูกศิษย์ของเขา ซึ่งเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ชื่อ เยเรมีย์ เรย์โนลด์ ได้ช่วยกระตุ้นให้ รัฐบาลสหรัฐส่งคณะสำรวจไปยังดินแดนแอนตาร์กติกาในปี 1838ขณะที่นักสำรวจไม่พบช่องทางเข้าอะไรที่ว่านั้น คณะสำรวจได้พบหลักฐานที่ว่า แอนตาร์กติกา ไม่ได้เป็นแค่ผืนน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเท่านั้น แต่นับเป็นทวีปที่เจ็ดของโลก

ในปี 1846 มาร์แชล การ์ดเนอร์ ได้อ้างการค้นพบซากแมมมอธขนยาวที่แช่แข็งอยู่ในน้ำแข็งที่ไซบีเรียเป็นหลักฐานยืนยันว่าโลกกลวง การ์ดเนอร์เชื่อว่า ข้างในโลกมีดวงอาทิตย์หนึ่งดวง และเสนอว่า เหตุที่ซากแมมมอธยังมีสภาพดี ก็เพราะมันเพิ่งตายเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยว่าแมมมอธ และสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วชนิดอื่นๆ สามารถตระเวนเข้าออก ส่วนในของโลกได้อย่างอิสระ ซึ่งเจ้าตัวนี้ได้เดินออกมาข้างนอกโดยอาศัยช่อง ทางที่ขั้วโลกเหนือ แล้วภายหลังซากของมันได้ถูกน้ำแข็งซัดมาจนถึงไซบีเรีย

ในทศวรรษเดียวกันนั้นเอง ทฤษฎีโลกกลวงอีกทฤษฎีหนึ่งได้อุบัติขึ้น เป็นผลงานจากความคิดของ ไซรัส รีด ทีด โดยทีดบอกว่า โลกกลวง ข้างในมีคนอาศัยอยู่ และมีดวงอาทิตย์อยู่ ตรงใจกลางโลก ดวงอาทิตย์นี้ด้านหนึ่งมืด ด้านหนึ่งสว่าง เมื่อดวงอาทิตย์ หมุนก็จะเกิดสภาพเหมือนกลางวันกับกลางคืนสลับกัน บรรยากาศอันหนา แน่นในใจกลางของโลกทำให้คนที่อยู่ในโลกแหงนมองไม่เห็นคนที่อยู่ทางอีก ด้านหนึ่งของโลก ต่อมาทีดได้เปลี่ยนชื่อเป็นโคเรช และก่อตั้งสิ่งที่ปัจจุบันถือเป็น ลัทธิประหลาด หลังจากซื้อที่ดิน 300 เอเคอร์ในฟลอริดา โคเรชก็ประกาศตัว เองเป็นพระมหาไถ่แห่งศาสนาใหม่ เขาตายเมื่อปี 1908 โดยไม่ได้พิสูจน์ ทฤษฎีของตัวเอง

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง มีการเอาเรื่องโลกกลวงไปโยงเข้า กับพวกนาซีเยอรมัน นักเขียนคนหนึ่ง เอิร์น ซันเดล ได้เขียนหนังสือเรื่อง “ยูเอฟโอ-อาวุธลับของนาซี?” อ้างว่า ฮิตเลอร์กับกองกำลังชุดสุดท้ายของเขา ได้โดยสารเรือดำน้ำตอนสงครามเลิกหลบหนีไปยังอาร์เจนตินา แล้วต่อมาได้ ตั้งฐานทัพของจานบินขึ้นตรงช่องทางที่นำเข้าไปสู่ภายในโลกที่ขั้วโลกใต้ ซันเดลบอกด้วยว่า พวกนาซีเป็นเผ่าพันธุ์ที่แยกต่างหากจาก มนุษย์ พวกนี้มาจากข้างในโลก ยิ่งเวลาผ่านไป ไอเดียเรื่องโลกกลวงก็ยิ่งกลายเป็นทฤษฎีเพี้ยน และกลายเป็นเรื่องของนิยายวิทยาศาสตร์และจินตนาการเพ้อฝันไป เหตุก็เพราะไม่มีหลักฐานพิสูจน์ความถูกต้องของทฤษฎีนี้

นายพลเรือเอกของสหรัฐ ริชาร์ด ไบร์ด ได้บินข้ามขั้วโลก เหนือเมื่อปี 1926 และขั้วโลกใต้เมื่อปี 1929 โดยไม่พบช่องทางเข้าสู่ภายใน โลกเลย ภาพถ่ายจากนักบินอวกาศก็ไม่ปรากฏทางเข้าเช่นกัน ในขณะที่วิชา ธรณีวิทยาสมัยใหม่ชี้ว่า โลกมีเนื้อในส่วนใหญ่เป็นของแข็ง แต่กระนั้น มีภาพถ่ายของนาซาชิ้นหนึ่งที่ปรากฏรอยมืดใน ภาพ ซึ่งคนที่เชื่อเรื่องโลกกลวงบอกว่าเป็นข้อพิสูจน์ทฤษฎีนี้ ทั้งที่อันที่จริง แล้ว ภาพนั้นเกิดจากการเอาภาพถ่ายหลายๆ ใบที่ถ่ายในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงมาซ้อนกัน เพื่อให้มองเห็นทุกส่วนเป็นเวลากลางวัน ส่วนตรงที่เป็นสี ดำมืดนั้นเป็นเขตอาร์กติกที่ไม่สะท้อนแสงในตอนกลางวันของฤดูหนาว

หนังสือที่เผยแพร่ความคิดเรื่องโลกกลวงที่ผู้คนรู้จักมากที่สุด นั้นเห็นจะเป็น “การเดินทางสู่ใจกลางโลก” (Journey to the Center of the Earth) ของ จูลส์ เวิร์น หนังสือเล่มนี้เสนอทฤษฎีโลกกลวงได้น่าฟังกว่า ด้วยการพูดถึงช่องทางจากผิวโลกเข้าไปสู่โพรงถ้ำใต้ดินที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ในนิยายเล่มนี้ นักวิทยาศาสตร์สามคนได้ปีนลงไปในปล่อง ภูเขาไฟที่หมดพลังแล้ว เพื่อค้นหาหนทางที่จะเข้าสู่ใจกลางโลก พวกเขาทำ ไม่สำเร็จ แต่ก็ได้พบทะเลใต้ดินที่มีสัตว์ยุคก่อนประวัติศาสตร์อาศัยอยู่มากมาย รวมทั้งตัวเพลซิโอซอร์ด้วย

บางคนเชื่อว่า ลึกลงไปใต้โลก คือบ้านของเผ่าพันธุ์ประหลาด ที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้า แต่คนพวกนี้เป็นใคร และทางเข้าสู่เมืองบาดาลของ พวกเขาอยู่ตรงไหน และทำไมถึงเข้าไปอยู่ใต้พื้นโลก ความคิดที่ว่าโลกกลวงนี้มีรากเหง้ามาจากตำนานโบร่ำโบราณ ของหลายวัฒนธรรม มักเล่าขานต่อๆ กันมาถึงชนกลุ่มหนึ่งที่มีอารยธรรมของตัวเอง อาศัยอยู่ในนครลี้ลับใต้พื้นพสุธา คนพวกนี้มีเทคโนโลยีหรือฤทธิ์เดชสูง กว่าพวกเราบนพื้นผิวโลก บางคนถึงกับบอกว่า จานผีไม่ได้มาจากนอกโลก หากแต่เกิด จากการประดิษฐ์คิดค้นของคนที่อยู่ภายในโลกต่างหาก

หากย้อนเวลานั่งไทม์แมชชีนกลับไป ในช่วงเวลาประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล เราคงได้เห็นการใช้ชีวิต ที่อยู่ภายใต้แนวคิดที่เชื่อว่าโลกของเราแบน หากเดินทางไปจนสุดขอบโลก มนุษย์จะต้องตกลงไป ดังเรือเดินสมุทรมากมายที่เมื่อเดินทางออกไปในระยะทางไกลที่ต้องหลับหายไปจาก ขอบฟ้า ซึ่งแนวคิดนี้ได้สืบทอดมาอย่างยาวนานด้วยหลากหลายเงื่อนไข

จนกระทั่งมีนักวิทยาศาสตร์และนักสำรวจที่กบฏต่อความคิดของคนส่วนใหญ่ในขณะนั้น ต่าง ได้พยายามพิสูจน์ว่าโลกหาไม่ได้แบนเป็นแผ่น ขนมเปี๊ยะ แต่มีรูปร่างกลมและสามารถเดินทางเวียนรอบโลกได้หากเก่งกล้าพอ และคนที่กล้าพอ ก็เกิดขึ้น จากหนึ่งคนเป็นสอง จนสุดท้ายคนทั้งโลกก็ต้องยอมรับว่าโลกของเรา “กลม”
แต่หากผมจะบอกว่า โลกของเรามิได้กลมเป็นลูกมะนาว แต่โลกของเรานั้นเหมือนลูกมะพร้าวที่ข้างในมีช่องว่างซึ่งสิ่งมีชีวิตสามารถเข้าไปอยู่ได้ คุณจะเชื่อหรือไม่...ถึงคุณจะไม่เชื่อ แต่ว่าแนวคิดนี้มีอยู่จริง...

ใครบอกว่าโลกแบน ใครบอกว่าโลกตัน
“Our Earth is hollow” พูดเป็นภาษาฝรั่งแบบน้ำเสียงตกใจได้ว่า โลกของเรานี่หรือมันกลวง ความเชื่อ นี้ไม่ใช่เป็นเพียงนิทานปรัมปรา เรื่องเล่า หรือเรื่องเพ้อฝัน เพราะความเชื่อเรื่อง โลกกลวง หรือ Earth hollow หรือSubterranean World คือแนวคิดที่เป็นทฤษฎีมานานหลายศตวรรษแล้ว โดยแผ่ความเชื่อและความลึกลับไปในหลายภูมิภาค ไม่เว้นความเชื่อในประเทศไทยเองก็เคยมีเรื่องราวของมนุษย์ลึกลับที่อยู่ในถ้ำใต้ดินหรือดินแดนลับแลต่าง ๆ
ความเชื่อว่าโลกกลวงนั้นคือ ความเชื่อของกลุ่มคนที่เชื่อว่าลึกลงไปใต้เปลือกโลกจะมีโพรง หรือช่องขนาดใหญ่ซึ่งมีดินแดนที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ โดยบ้างเชื่อว่าเป็นโลกซ้อนโลกและมีดวงอาทิตย์อยู่ภายใน
โดยความเชื่อที่ถือกันว่ามีการเผยแพร่ความเชื่อ และทฤษฎีในทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกคือในปี 1692 โดยนักวิทยาศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงด้านดาราศาสตร์ชื่อว่า เอ็ดมันด์ ฮัลเลย์ (Edmund Halley)

ฮัลเลย์กับทฤษฎีโลกกลวง
ฮัลเลย์ เป็นคนแรกที่เชื่ออย่างปักใจว่า โลกของเรานั้นลึกลับกว่าที่มองเห็น เขาอธิบายทฤษฎีที่ลึกลับนี้ ว่า โลกกลวง โดยอธิบายไว้ว่าโลกมีโพรงหรือพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ภายใน อัลเลย์ได้สรุปแล้วแบ่งทฤษฎีสัณฐานของโลกเป็น 4 ชั้น ซึ่งเชื่อว่าสัณฐานของโลกมีเปลือกโลกกั้นด้วยชั้นแรกหนา 800 กิโลเมตรไมล์ หลังจากชั้นนี้ก็จะเป็นพื้นที่โล่งกลวงและชั้นต่าง ๆ แนวความคิดนี้เริ่มจากความสงสัยในขั้วแม่เหล็กโลก จึงเชื่อว่าภายใต้โพรงยักษ์นั้นประกอบด้วยขั้วแม่เหล็กหลายขั้วด้วยกัน เสมือนมีโลกอีกใบซ้อนอยู่ซึ่งหมุนด้วยความเร็วที่ต่างกัน
หลักการที่เป็นแบบแผนอันน่าประหลาดในแบบของฮัลเลย์ ถูกสร้างขึ้นมาด้วยการคาดเดาของเขา โดยเชื่อว่ากลุ่มก๊าซที่พุ่งในปรากฏการณ์ Aurora Borealis หรือ แสงเหนือแสงใต้ ที่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ คือสิ่งที่เกิดมาจากโลกซ้อนโลกที่ซุกซ่อนอยู่ใต้พื้นพิภพนั่นเอง

พระอาทิตย์มีสองดวง
ดา แคมป์ และ เลย์ สองนักสำรวจที่มีบทบาทมากกลุ่มแรกที่เสนอทฤษฎีโลกกลวง โดยพวกเขาได้เสนอต่อเซอร์ จอห์น เลสซี นักคณิตศาสตร์ชาวสกอตแลนด์ว่าโครงสร้างของโลกกลวงนั้นภายในจะมีดวงอาทิตย์ 2 ดวง มีชื่อว่า พลูโตและโปรเซ็ปไพน์ ซึ่งการเสนอในครั้งนี้ทำให้ จอห์น เลสซี ได้ชื่อว่าเป็นผู้เชื่อในทฤษฎีโลกกลวงคนแรก ๆ ในช่วงศตวรรษที่ 18
ปี 1818 จอห์น เคลเวส ซิมเมส จูเนียร์ (Cleves Symmes Jr.) เชื่อว่าโลกกลวงจะอยู่ภายใต้พื้นดินที่ความลึก 1,300 กิโลเมตร โดยมีช่องทางเขากว้างถึง 2,300 กิโลเมตร ที่บริเวณขั้วโลกทั้ง 2 ด้าน และโลกกลวงมีสัณฐาน 4 ชั้น เช่นเดียวกับที่ฮัลเลย์เคยเสนอ ซึ่งนับเป็นบุคคลที่เสนอความเชื่อในทฤษฎีโลกกลวงที่มีชื่อเสียงมากในช่วงเริ่มต้นศตวรรษที่ 18 นี้ เพราะนอกจากเสนอข้อสันนิษฐานแล้วเขายังเป็นแรกกระตุ้นให้เกิดการสำรวจช่องทางเข้า แต่ทว่าโครงการนี้ก็ถูกระงับไปโดยแอนดรูว์ แจ็กสัน (Andrew Jackson) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น และซิมเมสก็เสียชีวิตไปก่อนที่จะได้เดินทางสำรวจข้อสันนิษฐานของตนเอง
ภายหลังที่ ซิมเมส ได้เสียชีวิตลง ทฤษฎีของเขาก็ไม่ได้สูญสิ้นไปด้วย เพราะมีนักเขียนได้นำมารวบรวมเป็นทฤษฎีที่ชื่อว่า Symmes' Theory ซึ่งเป็นข้อเขียนที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักสำรวจรุ่นหลังมากมาย

การเดินทางสู่โลกซ้อนโลก
หลังจากที่ยังไม่มีใครสามารถสำรวจไปถึงขั้วโลกเพื่อหาประตูสู่โลกภายในได้ เจเรไมห์ เรย์นอด์ส (Jeremiah Reynolds) ซึ่งเป็นนักข่าวผู้ติดตามความเชื่อเกี่ยวกับโลกกลวงมา ได้เขียนบทความและข้อเขียนถึงความเป็นไปได้ของทฤษฎีนี้ และด้วยความช่วยเหลือ จากรัฐบาลสหรัฐฯ เขาได้เปิดศักราชการค้นหาประตูสู่โลกกลวง โดยเดินทางสู่แอนตาร์กติกาในปี 1838 แต่ การเดินทางครั้งนี้ก็ล้มเหลวเช่นเคย เพราะทีมสำรวจไม่พบจุดที่เป็นช่องทางหรือประตูแต่อย่างใด
ปี 1846 มีการค้นพบบางสิ่งที่เชื่อกันว่าเป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ว่าโลกกลวงมีอยู่จริง โดยมีการค้นพบซากฟอสซิลช้างแมมอธ ที่มีความสมบูรณ์มากถูกแช่แข็งบริเวณไซบีเรีย โดย มาร์แชลล์ การ์ดเนอร์ (Marshall Gardner) ผู้ค้นพบซากแมมมอธเห็นด้วยกับทฤษฎีที่ว่า ภายในโลกมีพระอาทิตย์อีกดวง และเชื่อว่าช้างที่เขาค้นพบไม่ได้มาจากอดีตหรือยุคโบราณแต่อย่างใด เพราะความสมบูรณ์นี้จึงทำให้เชื่อว่ามันตายไปเมื่อไม่นานนี่เอง และเขายังเชื่ออีกว่า สัตว์ต่าง ๆ ที่ว่าสูญพันธุ์ไปแล้วจากอดีตมันซ่อนตัวอยู่ในโลกกลวงนี้

ภายใต้พื้นพิภพมีผู้คนอาศัยอยู่
มีทฤษฎีหนึ่งที่น่าสนใจและมีการกล่าวถึงอย่างมากคือ ทฤษฎีของดอกเตอร์ไซรัส รีด ทีด (Dr.Cyrus Read Teed) ทฤษฎีนี้เกิดจากคาดการณ์และสันนิษฐาน ที่เชื่อว่าภายในโลกอันกลวงนี้มีช่องว่างที่อำนวยต่อ การอาศัย มีคนอาศัยอยู่ และมีพระอาทิตย์ที่มีลักษณะแสงสว่างครึ่งลูก โดยโคจรหมุนรอบตัวเองทำให้เกิดช่วงเวลากลางวัน-กลางคืน กับชั้นบรรยากาศที่ถูกปิดทับโดยพื้นผิวโลกทำให้มันถูกซุกซ่อนจากผู้คนบนโลกได้ ที่น่าทึ่งกว่านั้นแบบจำลองสัณฐานของเขาที่เขียนขึ้น ไม่มีใครสามารถคิดค้นหาแนวคิดมาหักล้างหรือพิสูจน์ได้ว่ามันไม่จริง
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการกล่าวถึงอาวุธโดยนักเขียนชื่อว่า อีเนส ซูนเดล (Ernst Zundel) และการทำสงครามของลิตเลอร์ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ โลกซ้อน โดยกล่าวว่าฝ่ายนาซีมีการใช้อาวุธและยานพาหนะลึกลับที่เชื่อกันว่าเชื่อมโยงกับยูเอฟโอ ซึ่งในช่วงสุดท้ายก่อนนาซีพ่ายแพ้ได้ถอยร่นมาจนถึง อาร์เจนตินา แล้วหลบหนีเพื่อตั้งฐานลับที่ใต้พื้นพิภพ โดยมีช่องทางที่ขั้วโลกใต้



                                         การทำกระทง

ทำบัวลอย

                                            ทำตะโก้
งานประดิษฐ์





 






 





 สมการกำลังสองตัวแปรเดียว






                                                                      สูตรพหูนาม